บริษัท ออกานิกส์ เลเจนดารี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท” ขอแจ้งการปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy Policy) โดยเพิ่มเติมสิทธิหน้าที่ของบริษัทและผู้ใช้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจ ปลอดภัย ได้รับประโยชน์จากการได้รับสิทธิคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
บริษัท ออกานิกส์ เลเจนดารี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ โดยนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy Policy) ได้เพิ่มเติมสิทธิหน้าที่ของบริษัทและผู้ใช้บริการ ด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการและถูกต้องตามกฎหมาย
1. นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่ออะไร
นโยบายฉบับนี้ใช้เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของผู้ใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
2. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทได้มีการเก็บรวบรวมใช้และเปิดเผย
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่
1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ใช้บริการให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้บริการและผลิตภัณฑ์ การติดต่อ การเยี่ยมชม การค้นหา ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด
2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น ซึ่งไม่ใช่จากผู้ใช้บริการโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต และผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่น ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ บริษัทมีความจำเป็นตามแต่กรณีที่กฎหมายจะอนุญาต
3) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย เช่น
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากผู้ใช้บริการ หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยบริษัทจะสามารถเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการที่ขอสมัคร ขอใช้บริการ และทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) หรือช่องทางอื่นใด เป็นต้น
ทั้งนี้ ต่อไปในนโยบายฉบับนี้ หากไม่มีการกล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียก “ข้อมูลส่วนบุคคล” และ “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” ที่เกี่ยวกับผู้ใช้บริการข้างต้นให้รวมกันเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”
3.1 เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ใช้บริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้บริการ และเพื่อการอื่นที่จำเป็นภายใต้กฎหมาย
1) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งผู้ใช้บริการเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้บริการก่อนใช้บริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัท (Contractual Basis) เช่น
2) เพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) เช่น
1. การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
2. การปฏิบัติตามกฎหมายระบบชำระเงินภายใต้การกำกับ กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายภาษีอากร
กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงกฎหมายคอมพิวเตอร์
กฎหมายล้มละลายและกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตาม รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท หรือการเข้าทำสัญญากับผู้ใช้บริการ
บริษัทอาจจะไม่สามารถส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้ใช้บริการ (หรือไม่สามารถจัดหาบริการ และผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้ใช้บริการต่อไป) หากบริษัทไม่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเมื่อมีการร้องขอ
3) เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ผู้ใช้บริการสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น
1. การบันทึกเสียงทางศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร
2. การรักษาความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ เช่น การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลผู้ใช้บริการโดยพนักงานของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ประเภทเดียวกันกับที่ผู้ใช้บริการมีอยู่กับบริษัทซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ใช้บริการ
3. การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กรรวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเดียวกันเพื่อการดังกล่าวภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเครือกิจการ (Binding Corporate Rules)
4. การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data)
5. การป้องกันรับมือลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา (เช่น ข้อมูลล้มละลาย) การทำผิดกฎหมายต่างๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพหรือชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันในการป้องกันรับมือลดความเสี่ยงข้างต้น
6. การเก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนตัวแทนบริการ ตัวแทนรายย่อย ตัวแทนของผู้ใช้บริการนิติบุคคล
7. การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ กิจกรรม CRM หรือออกบูธ
8. การเก็บรวบรวมใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
9. การรับ-ส่งพัสดุ เอกสารต่างๆ
3.2 เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์จากการใช้บริการและผลิตภัณฑ์ ตามที่ผู้ใช้บริการเลือกให้ความยินยอมไว ้ เช่น
1) เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการและผลิตภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
2) เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบริการและผลิตภัณฑ์ สิทธิประโยชน์ โปรโมชั่น ข่าวสาร หรือกิจกรรมพิเศษของบริษัทเอง หรือของบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน หรือของบริษัทในกลุ่มสถาบันการเงิน หรือของบริษัทในกลุ่มธุรกิจประกัน หรือของบุคคลที่บริษัทเป็นตัวแทน นายหน้า ผู้จำหน่าย หรือของพันธมิตรทางธุรกิจ หรือของบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทตามแต่กรณีที่ผู้ใช้บริการให้ความยินยอมไว้
4. สิทธิตามกฎหมายของผู้ใช้บริการ
พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการอยู่ในความควบคุมของผู้ใช้บริการได้มากขึ้น โดยผู้ใช้บริการสามารถใช้สิทธิของผู้ใช้บริการตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด
4.1 สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล
มีสิทธิเข้าถึงและได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทมีอยู่ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของผู้ใช้บริการตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล
หรือกรณีที่คำขอของผู้ใช้บริการจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
4.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
มีสิทธิขอให้บริษัททำการแก้ไข หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน
4.3 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
มีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลของผู้ใช้บริการ หรือทำให้ข้อมูลของผู้ใช้บริการเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของผู้ใช้บริการ
4.4 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
มีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในบางกรณี (เช่น บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ หรือผู้ใช้บริการขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
เนื่องจากผู้ใช้บริการมีความจำเป็นต้องขอให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย)
4.5 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
มีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในกรณีที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรงหรือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของผู้ใช้บริการโดยชอบด้วยกฎหมาย
(เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท)
4.6 สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในกรณีที่บริษัทสามารถทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ
และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก
เว้นแต่บริษัทไม่สามารถทำได้โดยสภาพทางเทคนิค หรือบริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของผู้ใช้บริการโดยชอบด้วยกฎหมาย
4.7 สิทธิในการขอถอนความยินยอม
มีสิทธิขอถอนความยินยอมที่ผู้ใช้บริการได้ให้ไว้กับบริษัทเมื่อใดก็ได้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่บริษัทกำหนด เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของผู้ใช้บริการจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ
ก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงการให้ความยินยอมในการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดได้ผ่านช่องทางการใช้สิทธิที่
ศูนย์บริการ Call Center หรือช่องทางอื่นที่บริษัทกำหนดในภายหน้า
4.8 สิทธิในการร้องเรียน
มีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทกระทำการอันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้ใครบ้าง
5.1 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของผู้ใช้บริการ หรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตามขอบเขตที่ผู้ใช้บริการได้ให้ความยินยอม หรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้
5.2 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น เพื่อการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อการทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ เพื่อการส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์ของบริษัท เพื่อการบริหารกิจการ เพื่อการป้องกันการทุจริต เพื่อให้ผู้อื่นให้บริการสนับสนุนแก่บริษัท เพื่อการพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้บริการ โดยบริษัทอาจเปิดเผยให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ เช่น บริษัทในกลุ่มสถาบันการเงิน บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน บริษัทในกลุ่มธุรกิจประกัน ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกัน (co-brand) ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย นิติบุคคลหรือบุคคลใด ๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว
5.3 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้บุคคลอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของผู้รับข้อมูล เช่น เพื่อการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการเสนอบริการและผลิตภัณฑ์จากผู้รับข้อมูลให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยบริษัทจะแจ้งรายชื่อผู้รับข้อมูลให้ผู้ใช้บริการ ทราบผ่านทางเว็บไซต์ หากผู้ใช้บริการมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ "การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล” ของผู้ใช้บริการ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จัดทำขึ้นเพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงแนวทางปฏิบัติของบริษัทฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล และเหตุผลในการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. เราคือใคร
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ใช้บังคับกับข้อมูลส่วนของบุคคลธรรมดา อาทิ ลูกค้า ผู้ใช้บริการ ผู้จัดหาหรือจัดจำหน่าย คู่ค้า และบุคคลภายนอก ที่เก็บรวบรวมโดย บริษัท ออกานิกส์ เลเจนดารี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทฯในเครือทั้งหมด (รวมเรียกว่า "บริษัทฯ") บริษัทฯ พัฒนาและปรับปรุงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยพิจารณาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ("พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล") รวมถึงกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปในปัจจุบัน
ในกรณีที่ท่านมีข้อซักถามเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกรุณาติดต่อ
สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 78/9 หมู่ 3 ตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
ช่องทางการติดต่อ : 094-519-2222
นอกจากนี้ ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผ่านอีเมล admin@organicscosme.com
เมื่อได้รับคำถามหรือข้อกังวลของท่าน บริษัทฯ จะติดต่อท่านภายในเวลาอันสมควรเพื่อตอบคำถามหรือข้อกังวลของท่านในบางกรณี
บริษัทอาจต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
2. ข้อมูลส่วนบุคคล คืออะไร
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม
บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทางดังนี้
บริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากขั้นตอนการให้บริการต่าง ๆ รวมถึง
บริษัทฯ ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สามซึ่งมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงบริษัทในกลุ่มทรู ตัวแทนและผู้รับจ้างช่วงของบริษัทฯ เพื่อช่วยให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการรับสมัครบริการและให้บริการแก่ท่าน โดยได้รับข้อมูลผ่านทางอีเมล ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ได้รับเป็นเอกสาร หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ซึ่งผู้ที่เปิดเผยมีสิทธิให้ข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือได้รับข้อมูลจากขั้นตอนการให้บริการต่าง ๆ ในลักษณะเดียวกันที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมเองตามที่ระบุไว้ข้างต้น
5. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
6. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ และจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้เท่านั้น กล่าวคืออยู่บนฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล ทั้งนี้บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลใด ๆ อันเกี่ยวกับการใช้บริการของท่าน หรือข้อมูลอื่นใดที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ดังที่อธิบายไว้ในข้อ 3 ข้างต้นให้แก่บริษัทในเครือ หน่วยงานรัฐและหน่วยงานราชการตามกฎหมาย ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารและผู้ให้บริการด้านการชำระเงินและการทำธุรกรรม ผู้ให้บริการสนับสนุนลูกค้า ผู้ให้บริการจัดการด้านการตลาดและการโฆษณา ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ผู้ให้บริการทางกฎหมาย ที่ปรึกษาทางกฎหมาย รวมถึงนิติบุคคลหรือบุคคลอื่นใดที่บริษัทฯ และ/หรือท่านเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจจำเป็นต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อตรวจสอบ และอาจใช้ผลการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวเพื่อป้องกันการฉ้อโกง และบริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกบริษัทในเครือ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจของบริษัทฯ ในส่วนที่มีการจำหน่ายไป ได้มา หรือควบรวมกับบริษัทอื่น (แล้วแต่กรณี) อาจมีการใช้ข้อมูลของท่านในลักษณะเดียวกับที่อธิบายไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
ในกรณีที่บริษัทฯ ว่าจ้างผู้อื่นให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการตรวจสอบมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจัดให้มีการลงนามในข้อตกลงเพื่อควบคุมและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เหมาะสมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
7. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
8. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
สิทธิในการให้ความยินยอมและถอนความยินยอม (Right to consent and withdraw consent)
สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล (Right to access)
สิทธิในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล (Right to data portability)
สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to object)
สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to erasure)
สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to restriction of processing)
สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to rectification)
ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ เพื่อยื่นคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้นตามรายละเอียดที่ปรากฏในข้อ 1 หรือตามช่องทางที่บริษัทฯ กำหนด ทั้งนี้ ท่านไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการใช้สิทธิของท่าน แต่ทั้งนี้อาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามแต่กรณีหากพบว่าคำขอของท่านไม่มีมูล ซ้ำซาก หรือมีจำนวนมากเกินจำเป็น อนึ่ง บริษัทฯ มีสิทธิในการปฏิเสธคำร้องขอที่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต คำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล คำร้องขอที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้ และ/หรือคำร้องขอที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง นอกจากนี้ บริษัทฯ มีสิทธิในการปฏิเสธคำร้องขอของท่านตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
9. ในกรณีที่ท่านปฏิเสธไม่ให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายหรือเพื่อการเข้าทำสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทฯ หากท่านเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้
นอกเหนือจากกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาและการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ในบางกรณี บริษัทฯ อาจมีการขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ระบุไว้ในข้อ 5 เพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุด และ/หรือ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของท่านได้อย่างเหมาะสม
10. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด
ในระหว่างการใช้บริการ บริษัทฯ จะส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ รวมถึงบริษัทในเครือ ที่ท่านอาจมีความสนใจ โดยท่านสามารถดำเนินการยกเลิกความยินยอมในการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารได้ตามช่องทางที่บริษัทฯ กำหนด
11. นโยบายคุกกี้ (Cookies)
ในระหว่างการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทฯ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของท่านจะถูกบันทึกไว้ในรูปแบบของคุกกี้ โดยนโยบายคุกกี้นี้จะอธิบายความหมายของคุกกี้ การทำงาน วัตถุประสงค์ของคุกกี้ และวิธีการลบคุกกี้เพื่อความเป็นส่วนตัวของท่าน โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทฯ ถือว่าท่านได้อนุญาตให้บริษัทฯ ใช้คุกกี้ตามนโยบายคุกกี้ที่มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คุกกี้คืออะไร
Cookies คือ Text files ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ และ/หรือ เครื่องมือสื่อสารที่เข้าใช้งานของท่าน เช่น แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ในขณะที่ท่านเข้าสู่เว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยคุกกี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และ/หรือ เครื่องมือสื่อสารของท่าน ที่ใช้เพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล Log การใช้งานอินเทอร์เน็ตหรือพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของ Cookies
บริษัทใช้ Cookies อย่างไร
บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์จากผู้เข้าเยี่ยมชมทุกรายผ่าน Cookies หรือเทคโนโลยีที่ใกล้เคียง และบริษัทฯ จะใช้ Cookies เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของบริษัทฯ ผ่านอินเทอร์เน็ต รวมถึงพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานบริการของบริษัทฯ ทางอินเทอร์เน็ต โดยจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
ท่านสามารถปฏิเสธการรวบรวมข้อมูลผ่านคุกกี้ได้ผ่านการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของท่าน ทั้งนี้ การตั้งค่าดังกล่าวอาจลดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันลง
12. ผู้เยาว์
ด้วยลักษณะของบริการรวมถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ในกรณีดังกล่าวนั้น บริษัทฯ จะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์
13. การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
บริษัทฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธิเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์เดิม โดยหากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทฯ เก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปภายหลัง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับแล้ว ท่านสามารถแจ้งยกเลิกความยินยอมได้ตามช่องทางที่บริษัทฯ จะได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อไป
14. มาตรการเชิงลงโทษกรณีมีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนต่อนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนหรือขัดต่อนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้โดยพนักงาน คู่ค้า หรือพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ จะพิจารณาใช้มาตรการลงโทษตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทฯ และ/หรือ ใช้สิทธิดำเนินการทางกฎหมายในแต่ละกรณีตามความเหมาะสม
15. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์อื่น
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทฯ และการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทฯ เท่านั้น หากท่านได้เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น แม้จะผ่านช่องทางในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ก็ตาม ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้น ๆ แยกต่างหากจากของบริษัทฯ
16. การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ อาจพิจารณาทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามความเหมาะสมโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนกฎหมาย ข้อบังคับ และแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง